วัสดุที่ย่อยสลายได้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพียงเล็กน้อย ตอบสนองการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นความต้องการจึงเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้จึงถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกสาขาอาชีพ เนื่องจากวัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ในการบรรจุเป็นวัสดุธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้โดยไม่ต้องเติมตัวเร่งปฏิกิริยา โซลูชันเหล่านี้จึงใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมและรัฐบาลหลายแห่งได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดขยะวัสดุและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทต่างๆ เช่น Unilever และ P & G ได้ให้คำมั่นที่จะเปลี่ยนไปใช้โซลูชันบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (โดยเฉพาะการปล่อยคาร์บอน) ลง 50% ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผลักดันการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ในอุตสาหกรรมต่างๆ นวัตกรรมต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น โซลูชันบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติและอัจฉริยะในอุตสาหกรรม กำลังขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย
คนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังมุ่งไปสู่โซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
ประชากรโลกมีจำนวนเกิน 7,200 ล้านคน โดย 2,500 ล้านคนมีอายุระหว่าง 15-35 ปี ประชากรโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเติบโตของประชากรโลก พลาสติกและกระดาษจึงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ได้จากแหล่งต่างๆ (โดยเฉพาะพลาสติก) ก่อให้เกิดขยะมูลฝอยที่สำคัญซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก หลายประเทศ (โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว) มีกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อลดขยะและส่งเสริมการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ